กลยุทธ์และการประยุกต์ใช้สัญญาอนุพันธ์

สัญญาอนุพันธ์เป็นตราสารที่มีประโยชน์ทั้งในด้านการลงทุนหรือการจัดการความเสียงวันนี้เราจะมาพูดถึงกลยุทธ์และการประยุกต์ใช้สัญญาอนุพันธ์กัน

การเกร็งกำไรจากราคา

การเกร็งกำไรจากราคา คือการเปิดสัญญาเพื่อเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาแบ่งออกเป็นฐานะเดียว เปิดสัญญาเพื่อเกร็งกำไรที่คาดหวังและ ฐานะสเปรต เปิดสัญญาสองสถานะเพื่อเกร็งกำไรจากราคาเปรียบเทียบของสัญญาอนุพันธ์ 2 สัญญา โดยทั่วไปฐานะสเปรตจะมีความเสี่ยงจากราคาตำ่กว่าฐานะเดียว แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

1. Calendae Spread ประกอบด้วยสัญญาอนุพันธ์ 2 สัญญาที่มีสินทรัพย์อ้างอิงตัวเดียวกัน แบ่งได้เป็นฐานะซื้อสเปรตคือซื้อเดือนไกลขายเดือนไกล้ ใช้เมื่อสเปรตจะกว้างขึ้นและขายสเปรตซื้อเดือนไกล้ขายเดือนไกลใช้เมื่อสเปรต ใช้เมื่อสเปรตจะแคปลง

2. Inter-commodity ประกอบด้วยสัญญาอนุพันธ์ 2 สัญญาที่มีสินทรัพย์อ้างอิงคละตัวกันแต่มักมีราคาที่สัมพันธ์กัน

การเกร็งกำไรจากค่าเบต้า หากเรามีมุมมองในหลักทรัพย์ 2 ตัว และเราคากหวังว่าหลักทรัพย์ ตัวหนึ่งจะมีผลตอบแทนที่แย่กว่าอีกตัวเราสามารถนำมุมมองนี้มาเกร็งกำไรในอนุพันธ์ได้ตัวอย่างเช่น เราคิดว่า True และ Dtac จะมีทิศทางการเคลื่อนที่เดียวกันแต่ คิดว่าราคาTrue จะแย่กว่าเราสามารถ long Dtac และ Short True

การทำ Statical arbitage เราค้ากำไรจากการทำการซื้อและขายสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกัน โดยเราต้องทดสอบทางสถิติ

Cointegration เป็นคุณสมบัติทางสถิติของอนุกรมเวลา ซีรีส์ทั้งหมดจะต้องถูกรวมเข้าด้วยกันในลำดับ d ต่อไป หากผลรวมเชิงเส้นของซีรีส์นี้ถูกอินทิเกรตด้วยลำดับที่น้อยกว่า d คอลเลกชั่นนั้นก็ถือว่ามีอินทิเกรตร่วม อย่างเป็นทางการ หาก (X,Y,Z) แต่ละผลอินทิเกรตในลำดับ d และมีค่าสัมประสิทธิ์ a,b,c ที่ทำให้ aX + bY + cZ ถูกอินทิเกรตในลำดับที่น้อยกว่า d แล้ว X, Y และ Z จะถูกรวมเข้าด้วยกัน . การบูรณาการแบบ Cointegration ได้กลายเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการวิเคราะห์อนุกรมเวลา

Engle–Granger two-step method เป็นขั้นตอนทางสถิติที่ใช้ในการทดสอบว่าอนุกรมเวลาที่ไม่คงที่ตั้งแต่สองอนุกรมขึ้นไปถูกรวมเข้าด้วยกันหรือไม่ การบูรณาการร่วมกันบอกเป็นนัยว่าแม้ว่าแต่ละอนุกรมนั้นอาจไม่คงที่ แต่การรวมกันเชิงเส้นของอนุกรมเหล่านั้นนั้นอยู่นิ่ง กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากมีอนุกรมเวลาตั้งแต่สองอนุกรมขึ้นไปมารวมกัน ก็จะมีความสัมพันธ์ที่สมดุลในระยะยาวร่วมกัน

Johansen test เป็นวิธีทางสถิติที่ใช้ในการทดสอบความสัมพันธ์ของการผสานรวมในระบบที่เกี่ยวข้องกับอนุกรมเวลาที่ไม่คงที่หลายอนุกรม มันขยายวิธีการ Engle-Granger เพื่อรองรับมากกว่าสองชุดและความสัมพันธ์แบบหยอดเหรียญหลายรายการ วิธีนี้พัฒนาโดย Søren Johansen มักใช้ในเศรษฐมิติและการเงิน เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์สมดุลระยะยาวระหว่างตัวแปรต่างๆ

Phillips–Ouliaris cointegration test เป็นรูปแบบหนึ่งของการทดสอบcointegration เช่น วิธีสองขั้นตอนของ Engle-Granger การทดสอบนี้พัฒนาโดย Peter C. B. Phillips และ Sam Ouliaris ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาการถดถอยปลอมเมื่อต้องรับมือกับอนุกรมเวลาที่ไม่อยู่กับที่ มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบว่าอนุกรมเวลาที่ไม่คงที่ตั้งแต่สองอนุกรมขึ้นไปมีความสัมพันธ์สมดุลระยะยาวหรือไม่

การประกันความเสี่ยงจากราคา: ผู้ลงทุนเปิดฐานะในตราสารอนุพันธ์เพื่อให้หักล้างกับสถานะที่ผู้ลงทุนมีอยู่แล้ว เกิดจากผู้ลงทุนมีความเสียงทางราคาที่ต้องซื้อหรือส่งมอบสินค้าอ้างอิงในอนาคต

Cross hedging หมายถึง การใช้อนุพันธ์ทางการเงินหรือเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อจัดการความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอนุพันธ์หรือเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันความเสี่ยง กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณป้องกันความเสี่ยงของสินทรัพย์หนึ่งโดยเข้าสถานะในสินทรัพย์อื่นที่เกี่ยวข้องกัน กลยุทธ์นี้มักใช้เมื่อไม่มีตลาดสำหรับการป้องกันความเสี่ยงโดยตรงของสินทรัพย์ที่เป็นปัญหา หรือเมื่อการป้องกันความเสี่ยงโดยตรงที่มีอยู่ไม่มีประสิทธิผลเพียงพอ

basic Risk ความเสี่ยงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ทั้งสองจะเปลี่ยนไป ทำให้การป้องกันความเสี่ยงมีประสิทธิภาพน้อยลง

การใช้ตราสารอนุพันธ์เพื่อขจัดความเสี่ยงจากตลาด

เนื่องจากความเสี่ยงรวมของกลุ่มหลักทรัพย์แบ่งเป็นความเสียงที่เป็นระบบและความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ

การสังเคราะห์หลักทรัพย์

นอกจจากนั้นเรายังสามารถใช้สัญญาอนุพันธ์สังเคราะห์หลักทรัพย์โดยจากสมการ

ดังนั้นจะได้ว่า

สรุป

ตราสารอนุพันธ์ให้ประโยชน์มากมายแก่นักลงทุน รวมถึงความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา การเข้าถึงเลเวอเรจที่เพิ่มขึ้น และโอกาสในการเก็งกำไร โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีมูลค่ามาจากสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น พันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดการความเสี่ยงโดยการชดเชยความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในพอร์ตการลงทุนของตน ตัวอย่างเช่น พุตออปชันสามารถให้การป้องกันข้อเสียสำหรับการถือครองหุ้น ในขณะที่สัญญาฟิวเจอร์สสามารถล็อคราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ นอกจากนี้ ตราสารอนุพันธ์มักต้องการเงินทุนล่วงหน้าน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนในการซื้อสินทรัพย์อ้างอิงทันที ทำให้มีโอกาสทำกำไร (หรือขาดทุน) ได้มากขึ้น โดยรวมแล้ว กองทุนเหล่านี้ให้ความยืดหยุ่นและทางเลือกในการวางแผนทางการเงินเชิงกลยุทธ์ แต่ยังมาพร้อมกับความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องเข้าใจด้วย